วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Diary Note 13 March 2017

บันทึกการเรียนครั้งที่ 7


นิทานกับดักหนู








 โทรทัศน์ครูโปรเจ็คเห็ด  สอนแบบโครงการ


การสอนโปรเจ็คสามารถนำไปสอนต่อปัญญาทั้ง 8 ด้านได้
ปัญญาทั้ง 8 ด้าน (พหุปัญญา)

1. ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligence)
คือ ความสามารถในการใช้ภาษารูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ภาษาพื้นเมือง จนถึงภาษาอื่นๆ ด้วย สามารถรับรู้ เข้าใจภาษา และสามารถสื่อภาษาให้ผู้อื่นเข้าใจได้ตามที่ต้องการ 

2. ปัญญาด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)
คือ ความสามารถในการคิดแบบมีเหตุและผล การคิดเชิงนามธรรม การคิดคาดการณ์ และการคิดคำนวณทางคณิตศาสตร์ 

3. ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Visual-Spatial Intelligence)
คือ ความสามารถในการรับรู้ทางสายตาได้ดี สามารถมองเห็นพื้นที่ รูปทรง ระยะทาง และตำแหน่ง อย่างสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน แล้วถ่ายทอดแสดงออกอย่างกลมกลืน มีความไวต่อการรับรู้ในเรื่องทิศทาง

4. ปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily Kinesthetic Intelligence)
คือ ความสามารถในการควบคุมและแสดงออกซึ่งความคิด ความรู้สึก โดยใช้อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงความสามารถในการใช้มือประดิษฐ์ ความคล่องแคล่ว ความแข็งแรง ความรวดเร็ว ความยืดหยุ่น ความประณีต และความไวทางประสาทสัมผัส 

5. ปัญญาด้านดนตรี (Musical Intelligence)
คือ ความสามารถในการซึมซับ และเข้าถึงสุนทรียะทางดนตรี ทั้งการได้ยิน การรับรู้ การจดจำ และการแต่งเพลง สามารถจดจำจังหวะ ทำนอง และโครงสร้างทางดนตรีได้ดี และถ่ายทอดออกมาโดยการฮัมเพลง เคาะจังหวะ เล่นดนตรี และร้องเพลง 

6. ปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence)
คือ ความสามารถในการเข้าใจผู้อื่น ทั้งด้านความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ และเจตนาที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน มีความไวในการสังเกต สีหน้า ท่าทาง น้ำเสียง สามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสม สร้างมิตรภาพได้ง่าย เจรจาต่อรอง ลดความขัดแย้ง สามารถจูงใจผู้อื่นได้ดี เป็นปัญญาด้านที่จำเป็นต้องมีอยู่ในทุกคน 

7. ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)
คือ ความสามารถในการรู้จัก ตระหนักรู้ในตนเอง สามารถเท่าทันตนเอง ควบคุมการแสดงออกอย่างเหมาะสมตามกาลเทศะ และสถานการณ์ รู้ว่าเมื่อไหร่ควรเผชิญหน้า เมื่อไหร่ควรหลีกเลี่ยง เมื่อไหร่ต้องขอความช่วยเหลือ มองภาพตนเองตามความเป็นจริง รู้ถึงจุดอ่อน หรือข้อบกพร่องของตนเอง ในขณะเดียวกันก็รู้ว่าตนมีจุดแข็ง หรือความสามารถในเรื่องใด มีความรู้เท่าทันอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด ความคาดหวัง ความปรารถนา และตัวตนของตนเองอย่างแท้จริง เป็นปัญญาด้านที่จำเป็นต้องมีอยู่ในทุกคนเช่นกัน เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่า และมีความสุข

8. ปัญญาด้านธรรมชาติวิทยา (Naturalist Intelligence)
คือ ความสามารถในการรู้จัก และเข้าใจธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง เข้าใจกฎเกณฑ์ ปรากฏการณ์ และการรังสรรค์ต่างๆ ของธรรมชาติ มีความไวในการสังเกต เพื่อคาดการณ์ความเป็นไปของธรรมชาติ มีความสามารถในการจัดจำแนก แยกแยะประเภทของสิ่งมีชีวิต ทั้งพืชและสัตว์ 

  • เรื่องที่จะสอนต้องดูด้วยว่า

-สอดคล้องกับตัวเด็กไหม
-ผู้ปกครองมีส่วนร่วมไหม
-ดูสิ่งแวดล้อม

  • ระยะแรก  ตอนสุดท้ายของระยะเตรียมการ คือ การตั้งประเด็นคำถาม
-เพื่อจะเอามาออกแบบกิจกรรมที่ทำร่วมกัน
-เพื่อให้เด็กรู้คำตอบ
-ครูต้องให้เด็กมีส่วนร่วมกับการทำกิจกรรมทุกครั้ง


  • ระยะที่สอง  ระยะพัฒนา
-หาวิทยากร
-สานสัมพันธ์กับผู้ปกครอง เพื่อชี้แจงการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง
-กิจกรรมโปรเจ็คไม่ใช่แค่เด็กเรียนแต่ในห้องเรียนแต่เด็กต้องเรียนนอกห้องเรียนด้วย
  • จัดระบบ
  1. เริ่มต้นทำอะไรบ้าง
  2. ระยะสรุปทำอะไรบ้าง
สิ่งสำคัญที่สุด คือ ครูคือผู้อำนวยความสะดวกไม่ใช่ผู้ถ่ายทอดความรู้

-ในโปรเจ็คต้องมีกราฟฟิกเข้าไปสอดแทรก

  • สาธิตการสอนเสริมประสบการณ์

ขั้นนำ - ใช้คำคล้องจอง    
           -  ถามประสบการณ์เดิมของเด็ก  แล้วบันทึกลงแผ่นชาร์จ

ขั้นสอน  - นำสิ่งของใส่ตะกร้า โดยใช้คำถามให้เด็กทายว่ามีอะไรอยู่ในตะกร้าบ้าง
               -  หยิบสิ่งของทีละชิ้นพร้อมบอกชื่อและนับจำนวน ติดตัวเลขกำกับไว้สิ่งของชิ้นสุดท้าย
               -  ครูและเด็กแยกเกณฑ์และนับจำนวนว่าอันไหนมากกว่าหรือน้อยกว่ากัน

ขั้นสรุป  - ทบทวนอีกครั้งว่าสิ่งของอันไหนมากกว่าและน้อยกว่ากัน







สิ่งที่ได้รับในวันนี้
ตนเอง
-ได้หลักการต่างๆและเทคนิคในการสอนแผนเคลื่อนไหวและการสอนกิจกรรมอื่นๆ
เพื่อน
-ให้ความร่วมมือดี
อาจารย์
-มีเทคนิคในการสอนที่ดีและมีสื่อการสอนที่ทันสมัยน่าเรียนและยังเต็มที่กับการสอนทุกครั้ง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น